วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

'ลดพุง' เรื่องง่ายๆ ทำได้ทุกวัน


เพื่อนๆ ชาว men.mthai คงจะรู้จักภาวะอ้วนพุง หรือภาวะลงพุงกันดี … วันนี้มีข่าวดีจากอาจารย์นายแพทย์ไมเคิล เจนเซน ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่อมไร้ท่อ แห่งมาโยคลินิกเกี่ยวกับวิธีลดอ้วนพุงครับ

ผู้หญิงมีปัญหาอ้วนพุงน้อยกว่าผู้ชาย เนื่องจากไขมันในผู้หญิงมักจะสะสมที่เอว ขาท่อนบน และขาท่อนล่าง ไขมันในผู้ชายมีแนวโน้มจะสะสมรอบๆ พุงซะมากกว่า

ไขมันรอบพุงที่เพิ่มขึ้นมากอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บหลายอย่าง เช่น โรคเบาหวาน มะเร็งบางชนิด ความดันเลือดสูง โรคหยุดหายใจเวลานอนหลับ ไขมันในเลือดสูง (ไตรกลีเซอไรด์) และโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ลดลง

วิธีวัดว่าตัวเราอ้วนรอบพุงหรือไม่ ทำไม่ยาก ขั้นแรกให้คลำกระดูกเอวทั้ง 2 ข้างให้ได้ก่อน และวัดรอบพุงเหนือระดับนั้นเล็กน้อย

เวลาวัดให้หายใจออก…

    * ผู้ชายไทยไม่ควรเกิน 40 นิ้ว หรือ 100 เซนติเมตร
    * ผู้หญิงไทยไม่ควรเกิน 35 นิ้ว หรือ 87.5 เซนติเมตร

'ลดพุง' เรื่องง่ายๆ ทำได้ทุกวัน รูปที่ 1

ต่อไปเป็นคำถาม-คำตอบที่อาจารย์ไมเคิลท่านแนะนำไว้ครับ

* ซิท-อัพส์ (sit-ups):                                         
      การซิท-อัพส์ ช่วยให้กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรงขึ้น กล้ามเนื้อหน้าท้องที่แข็งแรงมีแรงตึงสูง ทำให้ท้องไม่ป่องออกไปข้างหน้ามากเกิน และดูดีขึ้น แต่ว่าเป็นการออกกำลังเฉพาะที่ไม่ช่วยให้ไขมันรอบพุงลดลง การออกกำลังกายลดพุงเพื่อหน้าท้องฟิตสวยงามที่ได้ผลเห็นชัดนั้นต้องออกกำลังกายประเถทคาร์ดิโอ เช่น วิ่งหรือกระโดดเชือก ควบคู่กันไปกับการซิท-อัพส์ด้วย 

* แอลกอฮอล์:                                                   
      แอลกอฮอล์ (เหล้า เบียร์ ไวน์…) มีส่วนทำให้อ้วนรอบพุงมากขึ้น เนื่องจากแอลกอฮอล์ให้กำลังงาน (แคลอรี) สูง ทำให้อยากอาหารมากขึ้น และอาจทำให้ขาดสติ… เลยกินมากเลย
* ออกกำลัง:                                                     
      การออกกำลังที่ดีมากในการลดน้ำหนักคือ การเดิน และออกแรงในชีวิตประจำวัน เช่น เดินขึ้นลงบันได ซักผ้า ล้างจาน ถูพื้น ฯลฯ
      ถ้ามีเครื่องนับก้าว (pedometer) แนะนำให้เดินอย่างต่ำวันละ 10,000 ก้าว (ประมาณ 6.5 กิโลเมตรในคนสูง 165 เซนติเมตร) หรือเทียบเท่าการเดินวันละ 90 นาที
      การเดินเร็ววันละ 30 นาทีอาจจะไม่พอในการควบคุมน้ำหนัก หรือการลดอ้วนรอบพุงจำเป็นต้องเดินเร็วปานกลางเพิ่มให้มากกว่าวันละ 30 นาที


* อาหาร:                                                          
      การควบคุมอาหาร เช่น "ผักครึ่งหนึ่ง อย่างอื่นครึ่งหนึ่ง" ฯลฯ ร่วมกับการออกกำลัง โดยเฉพาะการเดินและออกแรงในชีวิตประจำวัน เช่น ซักผ้า ถูพื้น ล้างรถ เดินขึ้นลงบันได ฯลฯ มีส่วนช่วยลดภาวะอ้วนรอบพุงได้


สรุป คือ ถ้าต้องการลดอ้วนรอบพุงก็ต้องลดน้ำหนัก และออกกำลัง "เบาๆ + บ่อยๆ" เช่น เดินให้ได้วันละ 60 นาทีขึ้นไป ทำงานบ้าน เดินขึ้นลงบันได ฯลฯ อาจารย์ไมเคิลท่านแนะนำไว้อย่างนั้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://gotoknow.org/blog/health2you,http://men.mthai.com/content/4333 ครับ

เริ่มต้น 'วิ่ง' เพื่อหุ่นดี สุขภาพดี


การวิ่งเป็นหนึ่งในวิธีออกกำลังกายที่สามารถช่วยคุณเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี แถมยังไม่ต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์ราคาแพงๆ (เว้นเสียแต่ว่าคุณจะซื้อรองเท้าวิ่งของคุณในราคาแพง) สำหรับชาว Men.Mthai ที่กำลังคิดจะเริ่มสุขภาพดีด้วยการวิ่ง วันนี้ผมมีคำแนะนำดีๆ มาฝากครับ

เริ่มต้น 'วิ่ง' เพื่อหุ่นดี สุขภาพดี รูปที่ 1
 
สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของการเริ่มต้นวิ่งคือ ให้อดทน ร่างกายต้องการเวลาในการปรับตัวครับ คุณอาจจะรู้สึกเหนื่อยในช่วงที่เริ่มต้น แต่คุณก็จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในเวลาต่อมา
มีกฎอยู่ 3 ข้อ ในการเริ่มต้นวิ่ง คือ
1. เริ่มวิ่งให้ช้า
2. อย่าเริ่มวิ่งเป็นระยะทางไกลๆ
3. วิ่งให้บ่อยๆ

ผมทราบครับ ว่าคุณต้องการเห็นผลลัพธ์ในระยะเวลาอันสั้น แต่คุณต้องให้เวลาในการปรับตัวของร่างกาย ดังนั้นไม่ต้องรีบครับ

ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นวิ่ง

เป็นมาตรฐานนะครับ ถ้าคุณมีอายุมากกว่า 35 ปี หรือเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง  โรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบตัน คุณควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายก่อนเสมอครับ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกด้านซ้าย ร้าวไปที่คอ หรือไหล่ ระหว่างที่คุณออกกำลังกาย คุณรู้สึกหน้ามืด หลังจากที่ออกกำลังกาย แพทย์บอกกับคุณว่า "คุณมีปัญหาเกี่ยวกับข้อแล้วนะ" และอย่าลืมถามคำถามกับแพทย์ด้วยนะครับว่า ถ้าการวิ่งไม่เหมาะกับคุณแล้วจะมีทางเลือกอื่นสำหรับการออกกำลังกายหรือไม่

เริ่มต้น 'วิ่ง' เพื่อหุ่นดี สุขภาพดี รูปที่ 2
 

ให้เริ่มต้นง่ายๆ

ถ้าคุณเริ่มออกกำลังกาย วิ่งเร็วมาก และไกลมากในช่วงเวลาเริ่มต้น คุณอาจได้รับบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย และเหนื่อยมาก ดังนั้น ให้เริ่มต้นง่ายๆครับ ให้เวลากับร่างกาย ให้เวลาคุณได้เรียนรู้ คุณอาจจะรู้สึกปวดเมื่อยได้บ้างภายหลังที่คุณเริ่มต้นออกกำลังกายครับ อันนี้เป็นธรรมชาติที่ผู้เริ่มต้นออกกำลังกายใหม่ต้องเจอ ดังนั้นให้เวลาร่างกายในการปรับตัวก่อนครับ

จะมีวิธีการทดสอบว่าคุณควรวิ่งเร็วแค่ไหน นั่นคือ ให้ทดสอบโดยการพูดครับ หรือที่เรียกว่า "talk test" ถ้าคุณพูดไม่ได้เป็นประโยคระหว่างที่คุณวิ่ง ให้วิ่งให้ช้าลงครับ ถ้าคุณหายใจไม่ทัน ก็วิ่งให้ช้าลง หรือเดิน

เป้าหมายของการวิ่ง เพื่อฝึกร่างกายครับ ไม่ใช่ฝืนร่างกาย

เริ่มต้น 'วิ่ง' เพื่อหุ่นดี สุขภาพดี รูปที่ 3


ทำให้เป็นพฤติกรรม


พยายามกำหนดตารางเวลาครับ ว่าคุณจะวิ่งในวันใดบ้าง ให้พยายามหาคนที่จะวิ่งด้วยกันครับ เพื่อคุณจะได้ "เกาะติด" โดยเฉพาะที่คุณเริ่มหมดกำลังใจ คู่หูของคุณจะช่วยได้ ถ้าทำได้ให้พยายามหาคู่หูที่มีสภาพร่างกายที่คล้ายกับคุณ (วิ่งได้ระยะทางพอๆกัน หรือวิ่งได้เร็วพอๆกัน) จะช่วยสร้างกำลังใจให้กันได้ดีครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.thaifittips.cohttp://men.mthai.com/content/4382 ครับ